เคยสงสัยกันไหมว่าเพราะเหตุใดท้องไส้มักจะปั่นป่วนตลอด เวลาที่เราเครียดหรือวิตกกังวล หรือพอเรามีสุขภาพลำไส้แข็งแรงก็จะมีอารมณ์ดีตามไปด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสมองกับลำไส้เรานั้นเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น คงไม่ผิดอะไรหากจะบอกว่าลำไส้ก็มีความสำคัญไม่แพ้สมอง จนนักวิทยาศาสตร์ถึงขั้นเรียกลำไส้ว่าเป็นสมองที่ 2 เลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่สุขภาพลำไส้ของเราจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพกายและใจอย่างที่เราคาดไม่ถึง
ลำไส้: สมองที่ 2 ที่สำคัญกับสุขภาพองค์รวม
ลำไส้มีระบบการทำงานที่ซับซ้อน ประกอบด้วยเซลล์ประสาทร่วมร้อยล้านเซลล์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่าในไขสันหลังเสียอีก เซลล์ประสาทเหล่านี้ทำงานคล้ายกับที่สมอง โดยสามารถประมวลผลข้อมูล ตัดสินใจ และสั่งการได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากสมอง ไม่ว่าจะเป็นการย่อยอาหาร การดูดซึม และการกำจัดของเสีย ที่ทำงานได้เองเป็นอัตโนมัติผ่านระบบประสาทในลำไส้
แม้จะทำงานเป็นอิสระจากสมอง แต่ลำไส้ก็สามารถสื่อสารโต้ตอบกับสมองได้ผ่านทางเส้นประสาท และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเมื่อเรารู้สึกเป็นกังวลหรือตื่นเต้นถึงได้รู้สึกปวดท้องหรือท้องเสียตามไปด้วย นั่นก็เพราะอารมณ์ของเรามีผลกับการทำงานของลำไส้โดยตรงนั่นเอง
ลำไส้ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการย่อยและดูดซึมอาหารเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสนับสนุนการทำงานของร่างกายอย่างหลากหลาย อาทิ
- ผลิตสารสื่อประสาท หลายชนิดผลิตที่ลำไส้ ตัวอย่างเช่นเซโรโทนิน หรือที่รู้จักกันในนามสารแห่งความสุข ซึ่งประมาณ 90% ของเซโรโทนินถูกผลิตขึ้นในลำไส้ ไม่ใช่สมอง และหากดูแลลำไส้ไม่ดีก็อาจส่งผลทำให้เครียดหรือวิตกกังวลได้ด้วย
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน โดยกว่า 70-80% ของเซลล์ภูมิคุ้มกันอยู่ที่บริเวณลำไส้ แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เองก็มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หากสุขภาพลำไส้อ่อนแอย่อมทำให้ร่างกายอ่อนแอตามไปด้วย
- กระตุ้นระบบเผาผลาญ ลำไส้มีบทบาทในการควบคุมระดับน้ำตาล น้ำหนัก และการเผาผลาญไขมันสะสม ผ่านจุลินทรีย์ในลำไส้และการทำงานของฮอร์โมน
- ดูแลผิวพรรณ หากดูแลสุขภาพลำไส้ไม่ดีพอจนเสียสมดุลก็จะมีปัญหาสิว ผดผื่น หรือผิวหนังอักเสบได้

การดูแลลำไส้ไม่ใช่เรื่องง่าย
การดูแลลำไส้ให้มีสุขภาพดีท่ามกลางสภาวะแบบในทุกวันนี้เป็นไปได้ยาก จนอาจทำให้สุขภาพในองค์รวมของเราตกอยู่ในความเสี่ยง ทั้งในเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน การดูดซึมสารอาหาร ผิวพรรณ อารมณ์ ความเครียดวิตกกังวล สมาธิ คุณภาพการนอน และอื่นๆ อีกมากมาย หากปล่อยให้สุขภาพลำไส้แย่ลงไปเรื่อยๆ ปัญหาก็อาจรุนแรงจนกลายเป็นโรคเรื้อรังได้
การดูแลลำไส้สามารถเริ่มต้นได้ที่การปรับพฤติกรรม ยกตัวอย่างเช่น การกินอาหารไฟเบอร์สูง การกินอาหารที่มีพรีและโปรไบโอติก ลดอาหารแปรรูป น้ำตาล จัดการความเครียด พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างไรก็ดี การพึ่งพานวัตกรรมและเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกายก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพลำไส้ของเราให้ดีขึ้นได้อย่างเห็นผล
IV Gut Health เป็นวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ เนื่องจากเป็นการดูแลลำไส้จากภายใน โดยการให้สารอาหารสูตรเฉพาะเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย ช่วยให้ลำไส้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่อมแซมเยื่อบุผนังลำไส้ กำจัดสารพิษ ลดการรั่วซึมของสารพิษเข้าไปในกระแสเลือด และลดการอักเสบของลำไส้ ในขณะเดียวกันการดูแลจากภายนอกอย่างการเคลื่อนไหวร่างกายให้สมดุลในแบบ Pilates ก็มีส่วนสำคัญ เพราะมันจะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร กระตุ้นการเคลื่อนที่ของอาหารและของเสียในลำไส้ กระตุ้นการไหลเวียนเลือด นอกจานี้ Pilates ยังช่วยปรับท่าทาง โดยการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลาง ช่วยลดแรงกดบริเวณช่องท้อง และเพิ่มพื้นที่สำหรับอวัยวะภายในได้ด้วย

ดังนั้น การดูแลสุขภาพลำไส้ด้วยการผสมผสานการเคลื่อนไหวจาก Pilates และการบำบัดทางโภชนาการด้วย IV Gut Health จะสามารถทำงานร่วมกัน ช่วยสร้างสมดุลให้ลำไส้ในระยะยาว ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลลำไส้และสุขภาพในองค์รวมแบบครบวงจร
ที่ RBL Lifestyle เราให้บริการด้วยแนวทาง Pilates MedSync ที่ผสานศาสตร์ของ Functional Medicine ร่วมกับ Clinical Pilates เพื่อให้คุณคืนสมดุลให้กับสุขภาพจากภายในสู่ภายนอกอย่างแท้จริง โดยเรามีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบโปรแกรมให้เหมาะสมกับตัวคุณ เพื่อการดูแลลำไส้และสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับคุณ